วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

โบสถ์อัสสัมชัญบนเกาะกลางทะเลสาบเบลด The Church of the Assumption และ กรุงซาเกรบ Zagreb ประเทศสโลวีเนีย

โบสถ์อัสสัมชัญบนเกาะกลางทะเลสาบเบลด The Church of the Assumption  ประเทศสโลวีเนีย โบสถ์ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบโดยเกาะนี้เป็นเกาะเพียงแห่งเดียวของประเทศสโลเวเนีย
ลาจากเมืองซาเกรบของโครเอเชียข้ามพรมแดนมายังประเทศสโลวีเนียเป็นระยะทาง 197 กิโลเมตร มายังเมืองเบลด Bled มุ่งตรงมาชมโบสถ์กลางทะเลสาบแห่งนี้เมืองเบลดเริ่มมีชื่อเสียงส้าหรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปีค.ศ. 1885 เมื่อแพทย์ชาวสวิสชื่อ Dr. Arnold Rivli เห็นคุณค่าของอากาศที่แสนบริสุทธิ์ของเมืองนี้ได้ย้ายมารักษาคนไข้ที่เมืองนี้และใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้เป็นเวลาถึง 50 ปีนอกจากนั้นนโปเลียนยังเคยใช้เป็นสถานที่พักผ่อนริมทะเลสาบยังมีคฤหาสน์ของติโตอดีตผู้รวมชาติยูโกสลาเวียซึ่งใช้เป็นที่รับแขกบ้านแขกเมืองอีกด้วย



โบสถ์อัสสัมชัญบนเกาะกลางทะเลสาบเบลด The Church of the Assumption



ทะเลสาบเบลดแห่งนี้โดดเด่นด้วยเกาะกลางทะเลสาบที่น้้าทะเลสาบโดยรอบเป็นสีเขียวมรกตบนเกาะเป็นที่ตั้งของโบสถ์ประจ้าเมืองอันศักดิ์สิทธิ์สร้างในศตวรรษที่ 11



เล่ากันว่าหากคู่สมรสคู่ใดได้มาโยกระฆังในโบสถ์จะมีชีวิตคู่ยืนยาวโดยจ้าบ่าวจะต้องอุ้มเจ้าสาวขึ้นบันไดมาจากท่าเรือจนถึงประตูโบสถ์



โบสถ์อัสสัมชัญบนเกาะกลางทะเลสาบเบลด



โบสถ์อัสสัมชัญบนเกาะกลางทะเลสาบเบลด



เมืองเบลด Bledเป็นเมืองตากอากาศซึ่งเคยได้รับรางวัลชนะเลิศรีสอร์ทของโลกตั้งอยู่ริมทะเลสาบเบลดที่งดงามแวดล้อมด้วยธรรมชาติของขุนเขาแอลป์ที่เรียกว่าJulian Alps Mountainจึงถูกขนานนามว่าไข่มุกแห่งเทือกเขาแอลป์


**กรุงซาเกรบ Zagreb** เมืองหลวงของประเทศโครเอเชียดินแดนแห่งทะเลอะเดรียติคซึ่งมีความเก่าแก่แฝงด้วยเสน่ห์และมนต์ขลังที่ท่านแทบไม่เชื่อต่อสายตาตนเองว่าเป็นเมืองที่เพิ่งผ่านพ้นวิกฤตการณ์เมื่อไม่นานมานี้เองซาเกรบเป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรมและเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันประชาชนชาวโครแอทมีวิถีชีวิตเยี่ยงชาวยุโรปที่เจริญโดยทั่วไปการคมนาคมภายในกรุงซาเกรบสะดวกสบายนิยมใช้รถรางเป็นพาหนะสัญจรนับสิบสายทั่วทั้งเมืองกรุงซาเกรบประกอบด้วยเขตเมือง Upper Town ที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17 ที่มีซุ้มประตูหินเป็นสัญลักษณ์เขต Lower Town ที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 และเขตเมืองใหม่ที่สร้างสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองแลนด์มาร์คสองแห่งของเมืองนี้ก็คือ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน St. Stephen Cathedral และ วิหารเซนต์มาร์ก St. Marks Church
เมืองนี้อยู่ทางทิศเหนือของอุทยานแห่งชาติที่เราเพิ่งแวะชมมา 148 กิโลเมตร



มหาวิหารเซนต์สตีเฟน St. Stephen Cathedral มหาวิหารแห่งนี้สร้างในสไตล์นีโอโกธิคสถาปัตยกรรมที่มีอายุเก่าแก่กว่า 800 ปี และปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์ในสไตล์นีโอ-โกธิค



ความงดงามของหอคอยแฝดปลายแหลม ภายในประดิษฐานรูปนักบุญองค์สำคัญต่างๆ เช่น นักบุญเซนต์ปีเตอร์, เซนต์ปอล



วิหารเซนต์มาร์ก St. Marks Church จุดสนใจแห่งหนึ่งของเมืองนี้



หลังคากระเบื้องปูเป็นลวดลายรูปตราของกองทหารแห่งยุคกลางถือเป็นสัญลักษณ์ส้าคัญของซาเกรบ



วิหารเซนต์มาร์ก

ดูสถานที่ท่องเที่ยวอื่นต่อได้ที่



https://www.facebook.com/planetbluetravel

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น