วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อู่ไถซาน - เอ่อเหมยซาน - ชิงเฉินซาน จาริก 3 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์แผ่นดินจีน เมืองเฉิงตูChengdu

อู่ไถซาน - เอ่อเหมยซาน - ชิงเฉินซาน จาริก 3 ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์แผ่นดินจีน เมืองเฉิงตูChengdu
เป็นเมืองเอกของ มณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำหมินใจกลางมณฑล ประชากรเมืองเฉิงตูมีราว 10 ล้านคน จัดเป็นอันดับ 3 ของประเทศจีน ในปัจจุบันเป็นทั้งศูนย์กลางด้านการเมือง การทหาร และด้านการศึกษาของภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านโบราณหัวหลงซี ที่อยู่ในราชวงศ์หมิง ที่ในอตีตเคยเป็นเมื่องท่าที่สำคัญในการติดต่อซื้อขายที่สำคัญอีกที่หนึ่งของประเทศจีนเลยก็ว่าได้ และยังมี วัดเป่ากวงซื่อ ที่มีรูปปั้นอรหันต์สูง 2 เมตร ถึง 500 องค์ เป็นวัดพุทธที่สำคัญ 1 ใน 4 ทางใต้ของจีนอีกด้วยพิพิธภัณฑ์ Sanxingdui อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ครอบคลุมเนื้อที่ของการจัดการแสดงประมาณ 4,000 ตารางเมตร ได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1997 เพื่อเป็นสถานที่ในการเก็บรักษาและแสดงเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมโบราณของเมืองเสฉวน เช่น หยกสีสดใสโบราณ ทัพพีหินหัวนก รูปสำริดศีรษะมนุษย์กับหน้ากากทอง หยกรูปหัวลูกศร ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาศูนย์หมีแพนด้า (Panda museum) ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า เฉิงตุ มณฑลเสฉวน ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 600,000 ตารางเมตร ทางตอนเหนือของเมืองเฉิงตู สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1987 ซึ่งใช้เป็นศูนย์เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ รวมถึงใช้เป็นสถานที่ศึกษาหมีแพนด้า เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่จะศึกษาระบบนิเวศน์ , การอยู่อาศัยและการแพร่พันธุ์ของหมีแพนด้าเป็นสถานอภิบาลหมีแพนด้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในได้รับการจัดสภาพแวดล้อม กลมกลืนกับป่าธรรมชาติ ทั้งยังเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์หายากของมณฑลเสฉวนอีกด้วย ที่นีมีแพนด้าประมาณ 40 กว่าตัว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ได้ให้ความรู้กับท่านพร้อมทั้งอธิบาย เกี่ยวกับหมีแพนด้า เช่น การเกิด การทำคลอด โรงพยาบาลหมีแพนด้า พิพิธภัณฑ์หมีแพนด้า สถานที่อนุบาลหมีแพนด้า ให้ท่านได้ร่วมสนุกกิจกรรมเกี่ยวกับหมีแพนด้าอีกมาก



หมู่บ้านโบราณ “หัวหลงซี” เป็นหมู่บ้านสมัยราชวงศ์หมิง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำหวางหลงซี ในอดีตเคยเป็นเมืองท่าริมน้ำที่มีเรือสัญจรไปมาคับคั่งการค้าขายคึกคักมากปัจจุบันยังเหลือให้เห็นบรรยากาศเก่า ๆ ได้ทั่วไป เช่น โรงน้ำชา วัดเก่าแก่ ต้นไม้โบราณ และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มักไปจับกลุ่มเล่นไพ่นกกระจอก และดื่มน้ำชาใต้ร่มไม้ริมทางน้ำอาคารบ้านเรือนนิยมสร้างบนเสาไม้ขนาดใหญ่ยื่นลงไปในน้ำ กรอบประตูหน้าต่างแกะสลักลวดลายงดงาม พื้นถนนปูด้วยหินคดเคี้ยวไปมา มีต้นไม้ใหญ่ใบครึ้มอายุกว่า 300 ปียืนให้ร่มเงาอยู่หลายต้น หมู่บ้านนี้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ย้อนยุคอีกหลายเรื่อง



บริเวณทางเดินเข้า หมู่บ้านโบราณ “หัวหลงซี”



หมู่บ้านโบราณ “หัวหลงซี”



บริเวณสระน้ำที่ตั้งอยู่ภายในของ หมู่บ้านโบราณ “หัวหลงซี”



สะพานที่ตั่้งอยู่ภายใน หมู่บ้านโบราณ “หัวหลงซี”



วัดเป่ากวงซื่อ ซึ่งมีรูปปั้นอรหันต์สูง 2 เมตร ถึง 500 องค์ เป็นวัดพุทธที่สำคัญ 1 ใน 4 ทางใต้ของจีน สร้างในสมัยฮั่นตะวันออก นอกจากนี้ยังมีเจดีย์สมัยราชวงศ์ถังที่บรรจุพระธาตุสูง 30 เมตร ที่เฉิงตู ในสมัยราชวงศ์ถัง ใน ค.ศ. 881 ทั้งนี้เพราะพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ในวัด ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ด้วยการเปล่งรังสี เป็นรัศมีสว่างเจิดจ้าขึ้นในวัด ทางวัดจึงได้ทำการค้นหา และได้พบตลับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 13 องค์ เป็นตลับแกะสลักด้วยหินจึงสร้างเจดีย์ 13 ชั้นขึ้นเพื่อประดิษฐาน



พิพิธภัณฑ์ Sanxingdui อยู่ห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร ครอบคลุมเนื้อที่ของการจัดการแสดงประมาณ 4,000 ตารางเมตร ได้ทำการเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 1997 เพื่อเป็นสถานที่ในการเก็บรักษาและแสดงเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมโบราณของเมืองเสฉวน เช่น หยกสีสดใสโบราณ ทัพพีหินหัวนก รูปสำริดศีรษะมนุษย์กับหน้ากากทอง หยกรูปหัวลูกศร ภาชนะเครื่องปั้นดินเผา



พิพิธภัณฑ์ Sanxingdui ภายในจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมโบราณของเมืองเสฉวน เช่น หยกสีสดใสโบราณ ทัพพีหินหัวนก รูปสำริดศีรษะมนุษย์กับหน้ากากทอง หยกรูปหัวลูกศร ภาชนะเครื่องปั้นดินเผา



รูปสำริดศีรษะมนุษย์กับหน้ากากที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ Sanxingdui



รูปสำริดศีรษะมนุษย์กับหน้ากากที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ Sanxingdui



รูปสำริดศีรษะมนุษย์กับหน้ากากหลากหลายรูปแบบที่จัดแสดงภายในพิพิธภัณฑ์ Sanxingdui



ศูนย์หมีแพนด้า (Panda museum)ซึ่งใช้เป็นศูนย์เพาะพันธุ์และอนุรักษ์ รวมถึงใช้เป็นสถานที่ศึกษาหมีแพนด้า เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่จะศึกษาระบบนิเวศน์ , การอยู่อาศัยและการแพร่พันธุ์ของหมีแพนด้าเป็นสถานอภิบาลหมีแพนด้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในได้รับการจัดสภาพแวดล้อม กลมกลืนกับป่าธรรมชาติ ทั้งยังเป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์หายากของมณฑลเสฉวนอีกด้วย



ศูนย์หมีแพนด้า (Panda museum)



ลูกแพนด้าที่อยู่ภายในศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า (Panda museum)



ลูกแพนด้าที่อยู่ภายในศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า (Panda museum)



การแสดงโชว์เปลี่ยนหน้ากาก เป็นการโชว์ที่ผู้แสดงสะบัดหน้าเพียงครั้งเดียวก็สามารถเปลี่ยนหน้าได้เพียงเสี้ยววินาที เป็นศิลปะของคนจีนตั้งแต่สมัยโบราณ ในอดีตเทคนิคการแสดงจะถูกปิดเป็นความลับและจะถ่ายทอดเฉพาะคนในตระกูลเท่านั้น โชว์เปลี่ยนหน้ากาก เป็นศิลปะการแสดงงิ้วของเสฉวน เป็นไฮไลท์ของเมืองเฉิงตูและเป็นวิธีการเปลี่ยนหน้ากาก ด้วยการดึงเชือกอย่างแนบเนียน จากหน้ากากที่ซ้อนกันอยู่หลายๆหน้า หรือสะบัดหน้ากาก แค่เสี้ยววินาที

พูดคุยสนทนาการท่องเที่ยวที่



https://www.facebook.com/planetbluetravel

วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เกาหลีใต้ ในสายลมหนาว เกาะเชจู Jeju Island

เกาหลีใต้ ในสายลมหนาว เกาะเชจู Jeju Island
จุดแรกที่สัมผัสเกาะเชจู Jeju Island หรือ เชจู-โด ในภาษาเกาหลี เป็นหนึ่งในเก้าจังหวัดของเกาหลีใต้ ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในชื่อ "เกาะเชจูและถ้ำลาวา" เมื่อปี 2550 เนื่องจากเป็นตัวแทนในวิวัฒนาการสำคัญต่างๆ ในอดีตของโลก และเป็นตัวแทนของขบวนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางธรณีวิทยา หรือวิวัฒนาการทางชีววิทยา และปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่กำลังเกิดอยู่ชื่อ “เชจู” ในภาษาเกาหลีมีความหมายว่า “เกาะแห่งองค์สาม” กล่าวคือเป็นที่รมของส่วนประกอบ 3 ประการ คือ หิน ลม และผู้หญิง ส่วนประกอบ 3 ประการนี้มีความหมายว่า “ลม” บนเกาะเชจูจะโบกพัดตลอดทั้งปี ในขณะที่ “ผู้หญิง” มีที่มาจากอดีตเมื่อนานมาแล้วที่ชาวเกาะเชจูเดิมยึดอาชีพทำการประมงเป็นหลัก ผู้ชายจะมีหน้าที่ออกเรือหาปลาในทะเล ผู้หญิงก็จะรออยู่บนเกาะพร้อมกับรับหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลลูกและเตรียมอาหารไว้รอดสามี แต่เพราะคลื่นลมทะเลที่ผันผวนรุนแรงทำให้ผู้ชายส่วใหญ่ถูกพายุพัดพาจมหายไปพร้อมกับเรืออยู่เสมอ เกาะแห่งนี้จึงเหลือประชากรที่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัดในอดีตเกาะเชจูเคยเป็นสถานที่ที่ใช้เนรเทศนักโทษทางการเมือง หรือนักโทษหนักๆ ถ้ายังจำกันได้ ในเรื่องแดจังกึม ก็มีฉากที่นางเอกของเรื่องต้องโทษถูกเนรเทศมายังเกาะเชจูด้วยเหมือนกัน ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เกาะเชจูตกอยู่ในการยึดครองของชาวมองโกล ซึ่งกินเวลานานนับร้อยปี ทำให้วิถีชีวิตของชาวเกาะเชจูได้รับอิทธิพลจากมองโกลเป็นอย่างมาก



เกาะเชจูเดิมยึดอาชีพทำการประมงเป็นหลัก ผู้ชายจะมีหน้าที่ออกเรือหาปลาในทะเล ผู้หญิงก็จะรออยู่บนเกาะพร้อมกับรับหน้าที่เป็นแม่บ้านดูแลลูกและเตรียมอาหารไว้รอดสามี แต่เพราะคลื่นลมทะเลที่ผันผวนรุนแรงทำให้ผู้ชายส่วใหญ่ถูกพายุพัดพาจมหายไปพร้อมกับเรืออยู่เสมอ เกาะแห่งนี้จึงเหลือประชากรที่เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด



ในอดีตเกาะเชจูเคยเป็นสถานที่ที่ใช้เนรเทศนักโทษทางการเมือง หรือนักโทษหนักๆ ถ้ายังจำกันได้ ในเรื่องแดจังกึม ก็มีฉากที่นางเอกของเรื่องต้องโทษถูกเนรเทศมายังเกาะเชจูด้วยเหมือนกัน



เกาะเชจู jeju



หินปู่ ทอลฮารุบัง” Dolharubang การที่เกาะเชจูนั้นเคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ทำให้มีหินภูเขาไฟหรือหินลาวาอยุ่มากมายทั่วทั้งเกาะ และหินลาวาเหล่านี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเกาะเชจู



“ทอลฮารุบัง” Dolharubang หรือ “หินปู่” ซึ่งเป็นการแกะสลักหินลาวาภูเขาไฟให้เป็นรูปคนแก่ใจดีที่ชาวเชจูโบราณเชื่อว่าจะช่วงคุ้มครองคุ้มภัยให้กับสถานที่แห่งนี้ และเชื่อกันว่า หากใครได้ลูบท้องของทอลฮาลุบังก็จะร่ำรวยและมีโฃคลาภ หรือหากคู่แต่งงานพากันมาลูบหูทอลฮารุบังก็จะได้ลูกผู้หญิง หากลูบจมูกก็จะได้ลูกชาย



ใครที่มาเที่ยวเกาะเชจู เราก็จะเห็นมาลูบทอลฮารุบังกันใหญ่ ส่วนจะลูบจุดใดก็ต้องแล้วแต่วัตถุประสงค์ส่วนตัว และทอลฮารุบังถูกแกะสลักให้มีขนาดแตกต่างกันไปตั้งแต่เล็กเพียงแค่ 1 นิ้วไปจนถึงขนาดใหญ่เบ้อเริ่มก็มีอยู่มาก ปัจจุบันทอลฮารุบังก็กลายมาเป็นคู่ถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวไปจนหมด



โขดหินยงดูอัม Yongduam Rock หินที่มีรูปทรงแปลกประหลาดคล้ายกับหัวมังกรรที่เกิดจากหินถูกกัดกร่อนโดยคลื่นลมทะเลมายาวนาน



ตำนานที่เล่าขานกันมายาวนานบนเกาะเชจูแห่งนี้เล่าว่า ครั้งหนึ่งราชาแห่งมงกรได้สั่งให้องค์รักษ์ออกเสาะหายาอายุวัฒนะบนภูเขาฮัลลา



หินรูปมังกรที่มีส่วนหัวชูขึ้นสู่สวรรค์และส่วนของลำตัวจมอยู่ใต้ทะเล

พูดคุยสนทนาการท่องเที่ยวที่

https://www.facebook.com/planetbluetravel


ดูหนังออนไลน์ - Powered by Discuz!

ดูหนังออนไลน์ - Powered by Discuz!

วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อิหร่าน อาเซอร์ไบจัน ตามรอยไฟศักดิ์สิทธิ์ เมืองทาบริซ Tabriz

อิหร่าน อาเซอร์ไบจัน ตามรอยไฟศักดิ์สิทธิ์  เมืองทาบริซ Tabriz

ดูเมืองอื่มเพิ่มเติมได้ที่

https://www.facebook.com/PlanetBlue.Iran/



เมืองสำคัญทางการค้ามาตั้งแต่ยุคเส้นทางสายไหมรุ่งเรือง มีอายุกว่า 2,000 ปี ปัจจุบันเป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ นับเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของอิหร่านรองจากกรุงเตหะราน



Tabriz



มัสยิดสีน้ำเงิน Kaboud Mosque/Blue Mosque สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1465 ถือเป็นหน้าหนึ่งของความมั่งคั่งของเมืองในสมัยนั้น แต่ด้วยเหตุแผ่นดินไหวหลายต่อหลายครั้ง ทำให้โบราณสถานหลายแห่งในทาบริซ รวมถึงมัสยิดแห่งนี้ทรุดโทรมไปมาก จนกลายเป็นจุดที่หลายคนมองข้าม อย่างไรก็ตาม หากเมื่อเดินเข้าไปชมภายในมัสยิด ทั้งขนาดและการตกแต่งด้วยกระเบื้องสีน้ำเงินที่ยังคงเหลือให้เห็นฝีมือและการดีไซน์อันละเอียดอ่อนที่ซุ้มทางเข้าหรืออิวาน



มัสยิดสีน้ำเงิน Kaboud Mosque/Blue Mosque



มัสยิดสีน้ำเงิน Kaboud Mosque/Blue Mosque



มัสยิดสีน้ำเงิน Kaboud Mosque/Blue Mosque



มัสยิดสีน้ำเงิน Kaboud Mosque/Blue Mosque



ป้อมปราการอลิชาห์ Alisha Citadel เป็นหนึ่งในซากกำแพงที่สูงที่สุด และเป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ของเมืองโบราณทาบริซ ป้อมปราการนี้ สร้างในสมัยศตวรรษที่ 8 โดย ทาช อัลดิน อลิชาห์ รัฐมนตรีว่าการสมัยนั้น แผ่นดินไหวหลายครั้งได้ทำให้ป้อมปราการเสียหายบางส่วน รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อย่าง “save school” หนึ่งในโรงเรียนแห่งแรกของอิหร่าน



ป้อมปราการอลิชาห์ Alisha Citadel



ป้อมปราการอลิชาห์ Alisha Citadel



โบสถ์เซนต์เเมรี St. Mary Church ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 เป็นโบสถ์คริตส์นิกายออร์โธด็อกซ์ ในปี ค.ศ. 1272 มาร์โค โปโล พ่อค้าจากเวนิช เดินทางผ่านมาที่เมืองทาบริซก่อนจะมุ่งเดินทางไปสุ่เมืองจีน ได้เข้าสวดมนต์ขอพรที่โบถต์แห่งนี้ด้วย



โบสถ์เซนต์เเมรี St. Mary Church



ตลาดพื้นเมืองทาบริซ Tabriz Bazaar ตลาดกลางเมืองที่มีผู้คนเนืองแน่นที่สุดแห่งหนึ่ง อยู่คู่กับเมืองมรดกโลกแห่งนี้มาตั้งแต่โบราณ โดยในยุคอาณาจักรเปอร์เซีย ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบาซาร์ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักร ด้วยพื้นที่ราว 7 ตารางกิโลเมตร แถมยังมีคาราวานซาราย หรือที่พักสำหรับคนเดินทาง รายล้อมอยู่รอบบาซาร์ถึง 24 แห่ง



ตลาดพื้นเมืองทาบริซ Tabriz Bazaar



ตลาดพื้นเมืองทาบริซ Tabriz Bazaar



ตลาดพื้นเมืองทาบริซ Tabriz Bazaar


พูดคุยสนทนาการท่องเที่ยวที่



https://www.facebook.com/planetbluetravel

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ไอซ์แลนด์ ตามล่าแสงเหนือสุดขอบฟ้า อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์ Skaftafell Nation Park

ไอซ์แลนด์ ตามล่าแสงเหนือสุดขอบฟ้า อุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์ Skaftafell Nation Park
ความยิ่งใหญ่ของธารน้ำแข็งวัทน่าโยคูลล์ Vatnajokull Glacier ซี่งเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์และใหญ่ที่สุดในยุโรปเท่ากับธารน้ำแข็งทั้งหมดในทวีปยุโรปรวมกันธารน้ำแข็งวัทน่าโยคูลล์เป็นธารน้ำแข็งที่เก่าแก่กว่ายุคน้ำแข็งไปอีก 2,500 ปี มีความหนาของน้ำแข็งโดยเฉลี่ยประมาณ 400 เมตรและหนาที่สุดประมาณ 1,000 เมตร มีขนาด 8,300 ตร.กม.ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของยอดเขาฟานนาดาลสนักเกอร์ Hvannadalshn?kur ที่สูงที่สุดในไอซ์แลนด์เช่นกัน



ธารน้ำแข็งวัทน่าโยคูลล์ Vatnajokull Glacier ที่ลอยอยู่เต็มทะเลสาปที่จากเดิมมีขนาดความกว้างของพื้นที่เพียง 7.9 ตร.กม สำรวจเมื่อปี ค.ศ., 1975 ปัจจุบันพื้นที่ได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 18 ตร.กม เนื่องจากอัตราการละลายตัวของธารน้ำแข็งเร็วขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากภาวะโลกร้อนชมความสวยงามของก้อนน้ำแข็งลอยน้ำ Iceberg ที่ละลายลงมาจากภูเขาน้าแข็งด้านบน และไหลลงมาสู่ทะเล



นกทะเลสีดำที่ริมฝั่งทะเลตอน ปลายที่เชื่อมระหว่างทะเลกับโจกุลซาลอน ที่มีชื่อเรียกว่า Sk?as และสีขาวตระกูลนกนางนวล ที่เรียกว่า big seagulls หรือหากโชคดีท่านอาจจะได้ เห็นสิงโตทะเลที่ดำผุดดำว่าย เล่นน้า หรือหาอาหารอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นสถานที่นี้ยังเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดัง JAMES BOND และ BATMAN อีกด้วย



ธารน้ำแข็งวัทน่าโยคูลล์ Vatnajokull Glacier



น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ Svartifoss หรือน้ำตกสีดำ เป็นจุดชมวิวที่ทุกท่านเมื่อมาเยือนที่นี่แล้วต้องแวะชมและสัมผัสกับความงามของสายน้ำเมื่อกระทบแสงอาทิตย์จะส่องประกายคล้ายคริสตัลนับหมื่นนับแสนเม็ดที่เทลงมาสูงแอ่งน้ำ



เสาหินบะซอลล์สีดำ Dark Lava column อันเกิดจากการเย็นตัวของลาวาเป็นแท่งห้าเหลี่ยมเรียงรายติดกันอยู่รอบ ๆ น้ำตกเป็นฉากหลัง คล้ายกับ Giant’s Causeway ของไอร์แลนด์เหนือ ประเทศอังกฤษ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก



น้ำตกสวาร์ติฟอสส์ Svartifoss



ถ้ำน้ำแข็งไอซ์เคฟ หรือที่นิยมเรียกกันอีกอย่างว่า ถ้ำน้ำแข็งคริสตัล หรือ ถ้ำคริสตัล Crystal Ice Cave คือ ถ้ำน้ำ แข็งที่สวยงามตระการตาในเมืองสตัฟทาเฟล Skaftafell เป็นถ้ำที่เกิดในทะเลสาบแช่แข็งทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล Sv?nafellsj?kull Glacier นับเป็นถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามสุดอลังการแห่งหนึ่งในประเทศไอซ์แลนด์



ถ้ำนี้เกิดในทะเลสาบแช่แข็งทะเลสาบที่เกิดจากธารน้ำแข็งสวีนาเฟลล์โจกุล Sv?nafellsj?kull Glacier นับเป็นถ้ำน้ำแข็งสีฟ้าครามสุดอลังการแห่งหนึ่งในประเทศไอซ์แลนด์



สภาพอุณหภูมิที่ค่อนข้างมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย รูปแบบของถ้ำน้ำแข็งจึงไม่ค่อยแน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับการเข้าไปชมความงดงามของถ้ำน้ำแข็งนั้น ต้องอาศัยความปลอดภัยเป็นอย่างมาก ในช่วงฤดูหนาวคือช่วงที่เหมาะแก่การมาชมความงามของถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้มากที่สุด


พูดคุยสนทนาการท่องเที่ยวที่

https://www.facebook.com/planetbluetravel